เป็นราชาแห่งทวยเทพ ผู้ปกครองเขาโอลิมปัส (Olympus) และเทพแห่งท้องฟ้าและฟ้าร้องของตำนานเทพปกรณัมกรีก สัญลักษณ์ประจำพระองค์คือสายฟ้า โคเพศผู้ นกอินทรี และต้นโอ๊ก นามของซีอุสแปลว่าความสว่างของท้องฟ้า
นามของพระองค์ในตำนานเทพปกรณัมโรมันคือเทพจูปิเตอร์ (Jupiter) และนามในตำนานอีทรูสแคนคือเทพไทเนีย (Tinia)
พระองค์เป็นพระโอรสองค์สุดท้องของโครนัส (Cronus) และรีอา (Rhea) ซึ่งเป็นเทพไททัน ในหลายๆ ตำนานกล่าวว่าพระองค์ได้สมรสกับเทพีเฮร่า (Hera) แต่ก็มีสถานศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองดอโดน่า (Dodona) ที่อ้างว่าคู่สมรสของเทพซูสแท้จริงแล้วคือเทพีไดโอนี (Dione) นอกจากนี้มหากาพย์อีเลียด (Illiad) ยังกล่าวไว้ว่าเทพซูสเป็นพระบิดาของเทพีอโฟรไดต์ (Aphrodite) ที่กำเนิดจากเทพีไดโอเน่อีกด้วย เทพซูสมักมีชื่อเสียงในพฤติกรรมนอกลู่นอกทางเรื่องชู้สาวของพระองค์ ซึ่งยังรวมไปถึงความสัมพันธ์กับเด็กหนุ่มนามแกนีมีด (Ganymede) ด้วยเช่นกัน พฤติกรรมของพระองค์ทำให้เกิดผู้สืบเชื้อสายอยู่หลายองค์และหลายคนด้วยกัน อาทิเช่น เทพีอาธีน่า (Athena) เทพอพอลโล (Apollo) และเทพีอาร์ทีมิส (Artemis) เทพเฮอร์มีส (Hermes) เทพีเพอร์ซิโฟเน่ (Persephone) เทพไดโอไนซัส (Dionysus) วีรบุรุษเพอร์ซีอุส (Perseus) วีรบุรุษเฮอร์คิวลีส (Hercules) เฮเลนแห่งทรอย (Helen) กษัตริย์ไมนอส (Minos) และเหล่าเทพีมิวเซส (Muses) ส่วนผู้สืบเชื้อสายที่เกิดจากเทพีเฮร่าโดยตรงได้แก่เทพเอรีส (Ares) เทพีเฮบี (Hebe) และเทพเฮฟเฟสตุส (Hephaestus) เทพีเอริส (Eris) และ เทพีไอไลธีเอีย (Eileithyia)
Thanks: �ҡ�ٻ dictionary online
Poseidon
โพไซดอน หรือ โพเซดอน (Poseidon)
หรือ โปเซดอน เป็นชื่อเรียกเทพเจ้าตามชาวกรีก แต่สำหรับชาวโรมัน ซึ่งรับเอาวัฒนธรรมของกรีกมาอีกทอดหนึ่งจะเรียกว่า เนปจูน ตามภาษาละติน
โพไซดอน เป็นผู้คุ้มครอง ท้องทะเลและห้วงน้ำ (The ruler of the sea) เป็นพระอนุชาของเทพซุส หรือ จูปิเตอร์ตามภาษาละติน เทพที่มีอำนาจสูงสุดในบรรดาเทพเจ้ากรีก-โรมันทั้งหมด ส่วนพระชายาของพระองค์ คือ เทพีอัมฟิไทรต์ ซึ่งก็เป็นเทพี แห่งท้องทะเล เช่นกัน
โพไซดอน เป็น เทพเจ้าแห่งท้องทะเล และมหาสมุทร เป็น ผู้ปกครองดินแดน แห่งท้องน้ำ ตั้งแต่แหล่งน้ำจืด เช่น แม่น้ำ ลำคลอง จนถึงใต้บาดาล มีอาวุธคือสามง่าม บางตำนานกล่าวว่า มีท่อนล่างเป็นปลา นอกจากนี้แล้วยังถือว่าเป็นเทพแห่งแผ่นดินไหว และเป็นเทพแห่งม้าอีกด้วย
ตามตำนานเล่าว่า โพเซดอนเป็นบุตรของโครโนสกับเร มีพี่น้องอีก 4 องค์ ซึ่งล้วนแต่เป็นเทพ แห่งโอลิมปัสทั้งสิ้น ได้แก่
1.ซุส ผู้เป็นใหญ่ในสภาเทพแห่งโอลิมปัส
2.ฮาเดส ผู้ครอบครองยมโลก
3.เฮรา ชายาแห่งเทพซุส
4.เฮสเตีย เทพีแห่งเตาผิง
รูปลักษณ์ของโพเซดอน ส่วนมากจะปรากฏเป็นชายวัยกลางคน รูปร่างกำยำล่ำสัน มีหนวดเครา ถือสามง่ามเป็นอาวุธ ซึ่งสามง่ามนี้มีอิทธิฤทธิ์มาก สามารถดลบันดาลให้เกิดคลื่นลมแรงในทะเล หรือแผ่นดินไหวได้ ครั้งหนึ่งโพเซดอน เคยคิดที่จะโค่นอำนาจของซุส โดยร่วมมือกับเฮราและอะธีนา แต่ไม่สำเร็จจึงถูกซุสลงโทษ โดยการให้ไปสร้างกำแพงเมือง ทรอย ร่วมกับเทพอพอลโล
โพเซดอนมีมเหสีองค์หนึ่ง ซึ่งเป็นหญิงรับใช้ของเทพีอะธีนา คือ เมดูซ่า ซึ่งในตอนแรกนั้นยังไม่ถูกสาบให้มีผมเป็นงู เพิ่งจะเป็นเช่นนั้นเมื่อเทพีอะธีนาทราบเรื่องว่าหญิงรับใช้ของตน ไปเป็นมเหสีของโพเซดอน จึงสาบเมดูซ่าให้เป็นปีศาจที่มีผมเป็นงู และเมื่อมองใครก็จะกลายเป็นหินไปหมด ในคราวที่เปอร์ซิอุสปราบเมดูซ่านั้น เปอร์ซิอุสได้ตัดศีรษะของเมดูซ่าแล้วเลือดของเมดูซ่า ที่กระเซ็นออกมา กลายเป็นม้าบินสองตัว คือ เพกาซัส (Pegasus) และ คริสซาออร์ (Chrysaor) ดังนั้นจึงถือว่า ทั้ง เพกาซัส และ คริสซาออร์ เป็นลูกของโพเซดอนด้วย
Thanks: �ҡ�ٻ dictionary online
Hades
ฮาเดศ หรือ เฮเดส [Hades]
เทพฮาเดสเป็นโอรสของเทพโครนัส (Cronus) และเทพีรีอา (Rhea) เป็นพี่น้องร่วมท้องกับ เทพโพไซดอน (Poseidon), เทพีเฮสเทีย (Hestia), เทพีดิมีเตอร์ (Demeter), เทพีฮีรา (Hera) และ มหาเทพซุส (Zeus) เมื่อมหาเทพซุส โค่นเทพโครนัสบิดาของตนลงจากบัลลังก์แล้ว เทพซุสได้แต่งตั้งเทพโพไซดอน ปกครอง มหาสมุทร และแม่น้ำทั้งปวง และให้เทพฮาเดสปกครองดินแดนใต้โลกหรือยมโลกนั่นเอง ความที่ฮาเดส เป็นผู้ปกครองนรก ซึ่งเป็นโลกใต้ดินซึ่งมีแต่ความมืดมิดและน่ากลัว จึงไม่ใคร่ขึ้นไปยัง เขาโอลิมปัส อีกทั้งเทพ องค์อื่น ๆ ก็ไม่ใคร่ที่จะต้อนรับฮาเดสด้วย ดังนั้น ฮาเดสจึงไม่มีชื่อเป็นหนึ่ง ในเทพโอลิมปัส เฉกเช่นองค์อื่น ๆ
ฮาเดส หรือ เฮดีส (Hades) ในที่ชาวโรมันเรียกว่า พลูโต (Pluto) เทพเจ้าผู้ปกครองนรก และโลกหลังความตาย ในตำนาน ถือได้ว่าเป็นเจ้าแห่งทรัพย์ เพราะเทพ ฮาเดสมีสิทธิ์ในทรัพย์สินทุกอย่างภายใต้พื้นพิภพ จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ดีส (Dis) ซึ่งแปลตรงตัวว่า ทรัพย์สิน
นอกจากนี้ ฮาเดส ยังได้ชื่อว่าเป็นเทพที่มีความเที่ยงธรรมอย่างมาก ตัดสินความดีชอบ ของคนตาย โดยปราศจากอคติใด ๆ ทั้งสิ้น กล่าวกันว่า พระองค์มีหมวกวิเศษอยู่ใบหนึ่งที่สามารถทำให้ผู้สวมหายตัวได้ และพระองค์มีเทพผู้ช่วย ในการตัดสิน ความดีชั่วในยมโลกอีก 3 องค์คือ ราดาแมนทีส, ไมนอส, ไออาคอส ที่เรียกว่า สามเทพสุภา และยังมี ฮิปนอส เทพแห่งการหลับไหล และ ทานาทอส เทพแห่งความตายคอยช่วยอีก
ครั้งหนึ่งเมื่อเทพฮาเดสได้เสด็จขึ้นมาบน พื้นโลก ได้พบกับเทพีเปอร์เซโฟนี (Persephone) เทพีแห่งฤดูใบไม้ผลิ และเป็นธิดาของ เทพีดิมีเตอร์ เทพีแห่งธัญญาหาร หรือพระแม่โพสพ กับมหาเทพซุส หรือ เป็นหลานของ เทพฮาเดสเอง อย่างไรก็ตาม เทพฮาเดสหลงรักเทพีเปอร์เซโฟนีทันที และฉุดคร่าลงไปสู่ดินแดนใต้พิภพ เพื่อครองคู่ ด้วยความไม่เต็มใจของนาง
เมื่อเทพีดิมีเตอร์ทราบว่าธิดาของตนถูกลักพาตัวก็ร้องเรียนต่อมหาเทพซุสให้ ช่วยนำธิดาของเธอคืนมา มหาเทพ จึงส่งเทพเฮอร์มีส (Hermes) เป็นทูตไปเจรจากับเทพฮาเดส การเจรจาคราวนั้นมีเงื่อนไขว่า ถ้าเทพีเปอร์เซโฟนี ไม่ได้เสวยอะไรในยมโลก เทพฮาเดสต้องส่งนางคืน เทพีดิมีเตอร์โดยเด็ดขาด แต่หาก เทพีเปอร์เซโฟนี เสวยของในยมโลก เทพฮาเดสก็จะมีสิทธิในตัวพระนาง ปรากฏว่าเทพีเปอร์เซโฟนีได้เสวยเมล็ดผลทับทิมไป 6 เมล็ด จึงตกลงกันว่า แต่ละปี เทพีเปอร์เซโฟนี จะกลับขึ้นมาอยู่กับพระมารดาบนพื้นโลก 6 เดือน และต้องกลับ ไปอยู่กับ เทพฮาเดสในยมโลกอีก 6 เดือน ช่วงที่เทพีเปอร์เซโฟนีขึ้นมาอยู่บนพื้นโลกนั้น เทพีดิมีเตอร์ มีความยินดีอย่างยิ่ง ทำให้แผ่นดิน และพืชคืนสู่ความเขียวขจีเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน และ เมื่อเทพีเปอร์เซโฟนี ต้องกลับไปอยู่ยังยมโลก พืชพรรณและแผ่นดินที่เขียวขจีจะกลายเป็นอับเฉา เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว การที่เทพฮาเดสได้อยู่ร่วมกับมเหสีเพียง 6 เดือนในแต่ละปีนั้น ก็สะท้อนถึง ความเปล่าเปลี่ยว อีกด้วย
และอีกครั้งหนึ่ง เทพฮาเดส ทรงหลงเสน่ห์ความน่ารักของนางอัปสรนามว่า มินธี (Minthe) แต่ทว่าความรักนี้มิยั่งยืน ด้วยเหตุที่ พระแม่ยายดีมิเตอร์เทวี ทรงร้ายเหลือ ทั้ง ๆ ที่ไม่ชอบหน้า เทพฮาเดสเท่าใดนัก แต่เมื่อเทพฮาเดส ทำท่าจะนอกใจธิดาของตนเข้าให้ เจ้าแม่ก็พิโรธโกรธเกรี้ยว จนกระทั่งไล่กระทืบมินธีนางอัปสรผู้น่าสงสารตาย เทพฮาเดส เวทนาสงสารนางอัปสรน้อยนั้น จึงเปลึ่ยนร่างของนางให้กลายเป็นพืชชนิดหนึ่งมีกลิ่นหอม และได้กลายเป็นพืชประจำพระองค์ตลอดมา
Thanks: �ҡ�ٻ dictionary online
---------------------------------------------------------------------------
แก้ไขล่าสุดโดย Kosakun เมื่อ Sat Apr 03, 2010 11:51 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง